ในชีวิตมนุษย์เราไม่มีใครหลีกหนีความสูญเสียไปได้ การสูญเสียบุคคลที่มีความสำคัญย่อมทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ เมื่อมีการจัดงานอวมงคลให้แก่ผู้ลาลับไปผู้ร่วมงานจึงมีการแสดงถึงความรู้สึกเสียใจ แสดงความอาลัยอาวรณ์ และยังเป็นการแสดงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจแก่ผู้สูญเสียโดยการส่งมอบพวงหรีด การส่งมอบ พวงหรีด เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการแสดงออกถึงการปลอบใจนอกเหนือไปจากการพูดคุยเพื่อปลอบโยนหรือการเข้าร่วมงาน พวงหรีดเป็นวัฒนธรรมที่ไทยได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตก โดยแรกเริ่มพวงหรีดเป็นสัญลักษณ์ของการอวยพรหรือแสดงความยินดี ในประเทศไทยคาดว่ามีการนำพวงหรีดมาใช้ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 หลังจากนั้นพวงหรีดจึงเป็นที่แพร่หลายในงานศพของชนชั้นสูงจนเริ่มเข้าถึงบุคคลทั่วไป ซึ่งพวงหรีดในสมัยนั้นเป็นพวงหรีดดอกไม้สด แสดงถึงการเปรียบเปรยว่าคนเรามีการร่วงโรยไปตามกาลเวลาเปรียบดั่งดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวเฉาร่วงโรยไป และการใช้ดอกไม้ยังเป็นการปลอบประโลมผู้สูญเสียอีกทางด้วย การให้พวงหรีดเพื่อแสดงถึงความอาลัยอาวรณ์นั้น ในบางครั้งผู้ให้ก็ไม่ได้มีความสนิทชิดเชื้อกับผู้จากไปมากนักแต่เป็นการให้เพื่อเป็นการปลอบใจผู้สูญเสียซึ่งตนรู้จักสนิทสนมแทน เช่นการมอบพวงหรีดในงานศพของเพื่อนในที่ทำงาน หรือการมอบพวงหรีดเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวของเพื่อน ในปัจจุบันเนื่องจากคนมีความตื่นตัวในเรื่องของการสร้างขยะที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากขึ้น จึงมีความคิดในเรื่องของการให้พวงหรีดในรูปแบบอื่นที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ ไม่ต้องทิ้งให้เป็นขยะเหมือนพวงหรีดดอกไม้สดอีก เช่น พวงหรีดพัดลม พวงหรีดนาฬิกา พวงหรีดต้นไม้ เป็นต้น แต่พวงหรีดดอกไม้สดก็ยังได้รับความนิยมอยู่เช่นกัน เพราะถึงพวงหรีดชนิดนี้จะไม่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ แต่ในงานที่มีพวงหรีดดอกไม้สดก็ช่วยทำให้บรรยากาศในงานไม่หดหู่หม่นหมองจนเกินไป และที่สำคัญการให้พวงหรีดผู้รับย่อมดูที่เจตนาของผู้ให้เป็นสำคัญ จะเห็นได้ว่าการส่งมอบพวงหรีดนั้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเสียใจและอาลัยอาวรณ์แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เจตนาในการให้ย่อมเป็นการแสดงถึงความเคารพต่อผู้จากไปเป็นครั้งสุดท้าย การให้พวงหรีดจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายจนถือเป็นวัฒนธรรมการแสดงความเสียใจในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อไปงานอวมงคลต่างๆ จึงสามารถเห็นพวงหรีดจากคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อผู้ลาลับหรือเจ้าของงานได้มอบพวงหรีดให้ผู้รับอยู่เสมอ